ปัจจุบันคนทำงานบริการส่วนใหญ่จะต้องมีจิตบริการ มีจิตใจที่อยากจะช่วยเหลือลูกค้า มีมุมมองด้านบวกที่ต้องการจะช่วยเหลือด้วยใจจริง ส่งมอบความปรารถนาดี สิ่งดีๆ รวมถึงหาโอกาสสร้างประสบการณ์ด้านบวกให้ลูกค้าได้สัมผัสอยู่เสมอ หรือในบางครั้งอาจจะต้องรับปัญหาหรือข้อร้องเรียน หรือคำตำหนิบริการ ทำให้บางครั้งต้องรองรับอารมณ์ของลูกค้าที่หลากหลาย สร้างความกดดันต่อคนทำงานบริการอย่างมาก กลายเป็นความเครียดที่สะสมโดยที่คนทำงานบริการไม่ทันรู้ตัวเลย รู้อีกที ก็พบว่าความสุขหายไป ความเครียดสะสมมากขึ้น สิ่งองค์กรต้องการและมองหาคือต้องการพนักงานที่ทำงานบริการได้อย่างมีความสุข พร้อมส่งความสุขให้ลูกค้าและคนรอบข้างด้วยรอยยิ้ม
เจ้าหน้าที่ Call Center ที่มีประสิทธิภาพไม่จำเป็นต้องมีเสียงที่ไพเราะเสมอไป เพียงแค่คุณรู้วิธีที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ นุ่มนวล โดยการทอดเสียง และพูดให้ช้าลง การพูดเร็ว ลงเสียงสั้น จะทำให้น้ำเสียงฟังแล้วห้วน ไม่สุภาพ ฟังแล้วเหมือนไม่เต็มใจให้บริการ การพูดต้องให้ชัดเจน ชัดถ้อยชัดคำ ไม่พูดอยู่ในคอ ไม่รัวลิ้น เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้รับบริการจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน ไม่เกิดความเข้าใจผิด เนื่องจากลูกค้ามักจะชอบรับบริการจากพนักงานที่มีความรู้ในงานที่ทำ และมีความรู้ในเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากงานด้วย ถ้าคุณไม่มีความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานก็ควรจะเป็นผู้ใฝ่รู้และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นควรเป็นคนช่างสังเกต
องค์กรที่มีความต้องการที่จะนำ Call Center เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในการทำงานนั้นคงต้องมานั่งคิดดูว่าจะลงทุนเองหรือจะจ้างภายนอก ซึ่งมีปัจจัยหลายตัวที่จะต้องพิจารณา รวมไปถึงสิ่งที่จะต้องจัดหามาว่าคุ้มหรือไม่ ได้แก่ บุคลากรที่จะต้องฝึกฝนให้มีความชำนาญโดยเฉพาะการสรรหาคนที่มีหัวใจในการให้บริการ และสามารถทำงานภายใต้แรงกดดันที่สูงได้ การมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมและช่วยในการปฏิบัติงาน ซึ่งนอกจากการมีใจรักงานบริการแล้วการวางแผนที่ดีก็เป็นตัวช่วยให้เกิดความรวดเร็วในบริการได้เช่นกัน พนักงานดูแลลูกค้าจะต้องรู้ขั้นตอนการดำเนินงานเป็นอย่างดี และต้องรู้ขอบเขตอำนาจในการตัดสินใจของตนเองและผู้อื่นในองค์กรเพื่อที่จะสามารถติดต่อประสานงานได้ถูกจุดและเป็นไปตามความต้องการลูกค้าได้ทันท่วงที